การออมเป็นวิธีพื้นฐานที่จะสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งในระยะเวลายาว ซึ่งช่องทางการออมไม่ได้มีเพียงแค่การฝากในธนาคารอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีรูปแบบอื่นๆ ที่เราสามารถวางแผนขยับขยายเงินไปไว้และทำให้งอกเงยขึ้นได้ อย่าง 5 รูปแบบออมเงินง่าย ๆ เหล่านี้
1. ออมเงินใน “ สลากออมสิน, ธกส “ เป็นรูปแบบการออมเงินพื้นฐานที่ดีอย่างหนึ่ง คล้าย ๆ กับการฝากเงินในธนาคาร ที่มีดอกเบี้ยเงินฝากให้ตามอัตราที่กำหนด แต่สิ่งที่แตกต่างคือ มีสิทธิ์ลุ้นถูกรางวัลทุกๆ เดือน เหมือนกับ ลอตเตอรี่ โดยการซื้อสลากนั้นจะซื้อเป็น “หน่วย “ มีระยะเวลาในการถือครองกำหนดไว้คือ 3 ปี เหมาะสำหรับคนที่ตั้งใจเก็บเงินในระยะยาว ซึ่งข้อดีคือเงินต้นยังอยู่ พร้อมได้ดอกเบี้ยเงินฝากและมีโอกาสได้เงินเพิ่มจากการถูกรางวัลอีกด้วย - สลากออมสิน หน่วยละ 50 บาท , ดอกเบี้ยฝากครบ 3 ปี 0.60 บาท / หน่วย - สลาก ธกส หน่วยละ 100 บาท , ดอกเบี้ยฝากครบ 3 ปี 0.75 บาท / หน่วย
2. ออมในเงิน “ กองทุนรวม “ เป็นอีกหนึ่งรูปแบบสำหรับการออมเงินเพื่อให้เกิดผลงอกเงย โดย กองทุนรวม ( Mutual Fund ) คือเครื่องมือในการลงทุนสำหรับคนที่สนใจลงทุน แต่ไม่มีประสบการณ์ , ไม่มีความชำนาญในการลงทุน หรืองบน้อย โดยจะมีเจ้าหน้าที่มืออาชีพคอยดูแลบริหารเงินที่ได้รวบรวมจากนักลงทุนคนอื่น ๆ นำไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ให้เกิดผลกำไรงอกงาม ซึ่งแต่ละกองทุนจะมีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป และมีบางกองที่ จ่ายเงินปันผล รวมถึงประโยชน์เรื่องการลดหย่อนภาษี และโอกาสเกิดการขาดทุนขึ้นได้ โดยจำนวนกองทุนรวมในประเทศไทยมีหลากหลายเช่น - กองทุนรวมผสม ลงทุนในสินทรัพย์รวมหลายประเภท - กองทุนรวมหุ้น หรือ ตราสารทุน ลงทุนในตลาดหุ้น - กองทุนรวมตราสารหนี้ ลงทุนในเงินฝาก,พันธบัตร,หุ้นกู้ ทั้งของภาครัฐและเอกชน - กองทุนรวมตลาดเงิน ลงทุนในเงินฝากธนคาร ระยะสั้น - กองทุนรวม RMF , LTF เป็นกองทุนรวมเพื่อประโยชน์ทางภาษี
3. ออมเงินใน “ หุ้น “ คือการนำเงินไปซื้อหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ( บริษัทที่มี มหาชน ต่อท้าย ) โดยตรงด้วยตัวเอง เราจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของกิจการนั้นด้วย คล้าย ๆกับ หุ้นส่วนร้านค้า ซึ่งการออมเงินในหุ้นจะเน้นหุ้นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว สร้างผลตอบแทนกำไร,ส่วนต่างราคาหุ้นหรือเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยอาจต้องอาศัยการศึกษาข้อมูลหุ้นแต่ละตัวอย่างละเอียด รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อตลาดหุ้น พอสมควร เพราะถือได้ว่ามีความเสี่ยงสูงเช่นกัน
4. ออมเงินใน “ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ “ ซื้อประกันแบบสะสมทรัพย์ เป็นการผสมผสานกันระหว่างการคุ้มครองชีวิตและการออมเงิน โดยเบี้ยประกัน หรือ เงินที่เราส่งไปทุก ๆ ปีหรือทุก ๆ เดือน จะได้รับคืนเมื่อครบกำหนดตามสัญญา ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่ 3 – 5 ปี หรือยาวไปจนถึง 20 ปีก็มี ข้อดีของการซื้อประกันแบบสะสมทรัพย์คือมีหลักประกันทางการเงินให้กับคนที่รักเมื่อเราเกิดเสียชีวิต แต่ก็มีข้อเสียคือต้องจ่ายเบี้ยประกันอย่างสม่ำเสมอตามเงินที่ตกลงกันไว้ ถึงจะได้เงินคืนตามเงื่อนไข นอกจากนี้ยังไม่สามารถถอนเงินออกมากลางคันหากเกิดปัญหาการเงินฉุกเฉิน ซึ่งจะไม่เหมือนกับเงินฝาก ที่เบิกได้ตลอด
5. ออมเงินใน “ ทองคำ ” การเก็บทองแทนเก็บเงิน ไม่แตกต่างจากรูปแบบการฝากเงินในธนาคาร แต่เปลี่ยนจากเก็บในบัญชีเงินฝากประจำมาเป็นบัญชีออมทอง ซึ่ง “การออมทอง” คือการนำเงินที่จะออมนั้นไปซื้อทองคำทุกเดือน ในจำนวนเงินเท่า ๆ กัน โดยเริ่มต้นด้วยเงินหลักพัน เลือกออมผ่านธนาคารหรือแอปพลิเคชั่นได้ โดยมั่นใจได้ว่าทองที่ออมจะไม่สูญหาย และหากอยากได้ทองคำ ( ทองคำแท่ง ) ที่ออมไว้มาเก็บก็ทำเรื่องเบิกถอนออกมาได้ หรือจะขายคืนเพื่อนำเงินออกมาใช้ ซึ่งข้อดีของการออมในทองคำนั้น จะได้ราคาทองแบบเฉลี่ย สามารถเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ ในระยะยาวได้ ซึ่งคนที่ไม่มีเงินก้อนใหญ่ในการซื้อทองน้ำหนักเยอะ ๆ 1 บาท , 5 บาท ก็มักใช้วิธีนี้ทะยอยซื้อ
เก็บเงินไม่ใช่เรื่องยาก ทุกคนสามารถเริ่มต้นและวางแผนการออมได้ เพียงแค่ลงมือทำ เพราะเงินที่ได้จากการเก็บหอมรอมริบ สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยนช์ในอนาคตและสร้างความสุขในบั้นปลายชีวิตได้ สิ่งสำคัญคือ วันนี้ลงมือเก็บออมแล้วหรือยัง