เพราะหลายอย่างเราเลือกได้ที่จะจ่ายน้อยลง เพื่อให้เหลือเงินเก็บมากขึ้น แค่ “คิดก่อนจ่าย” หนึ่งใน 10 ข้อนี้ ก็เปลี่ยนให้เหลือเงินเก็บมากขึ้นได้แล้ว
1. สินค้าที่กำลังจะซื้อนี้ มีการบวกราคาเพราะต้นทุนอะไรที่เกินจำป็นหรือไม่? ฉันไม่จ่ายส่วนนั้นได้ไหม? เช่น สถานที่จัดจำหน่ายที่มีค่าเช่าสูง (ซื้อที่อื่นจะถูกกว่านี้ไหม)
2. มีแบบที่คุ้มค่ากว่านี้ไหม? เช่น ข้าวสารยี่ห้อเดียวกัน คุณภาพเดียวกัน แบบถุง 5 ก.ก. กับแบบ 10 ก.ก. ราคาต่อก.ก. ของถุงไหนถูกกว่ากัน
3. ของที่เสียอยู่นี้ ซ่อมได้ไหม หรือซื้อใหม่จะคุ้มกว่า?
4. ฉันจ่ายค่าความสะดวกสบายแพงไปไหม? เช่น ซื้อข้าวสวยหุงสำเร็จทีละมื้อ กับซื้อข้าวสารมาหุงกินเอง แบบไหนจะใช้จ่ายรวมน้อยกว่ากัน
5. ฉันจ้างคนอื่นเกินจำเป็นไหม? อย่างทำความสะอาดบ้าน รีดผ้า หรือแค่ออกไปซื้ออะไรกิน ฉันทำเองได้ไหม
6. กิจกรรมบางอย่างที่ฉันชอบทำ มีแบบฟรีไหม? เช่น ออกกำลังกายที่บ้าน หรือสวนสาธารณะ ไม่ต้องเสียค่าบริการ แต่มีวิธีที่ได้ผลเหมือนกัน
7. อันนี้เอาไปปลูกได้ไหม? พืชผักบางอย่างที่เราชอบกินหรือต้องซื้อใช้บ่อยๆ ก็ไม่ได้ปลูกยากเย็นอะไร หรือไม่ได้ใช้พื้นที่มากมาย ก็ลองปลูกดู
8. ฉันสปอยล์ตัวเองมากไปไหม? ทำสปา นวดตัว นวดเท้า หรือสังสรรค์บ่อยไปไหม
9. ฉันกำลังจะก่อหนี้โดยไม่จำเป็นหรือเปล่า? ของมันต้องมี... จริงหรือ หรือไม่ต้องมีก็ได้ หรือไม่ต้องมีตอนนี้ก็ได้
10. ฉันไม่ได้กำลังจะตกเป็นเหยื่อการตลาดใช่ไหม? ของบางอย่างไม่มีก็ไม่ได้ดูแย่ หรือดูไม่มีอนาคตเสียหน่อย
ยับยั้งการใช้เงินที่เกินจำเป็นของเราไปได้วันละนิดๆ หน่อยๆ แต่ถ้าทำเป็นนิสัย เป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน เงินเล็กเงินน้อยนั้นรวมๆ กันเข้าก็เป็นเงินเก็บไม่น้อย เปลี่ยนเป็นเงินออมได้เป็นกอบเป็นกำ และถ้านำไปเก็บออมลงทุนให้งอกเงย ก็จะเป็นเงินที่ต่อเงินได้อีกมาก
จริงจังเรื่องเก็บเงิน มีเรื่องราวที่ช่วยคุณได้ รวบรวมไว้ที่นี่ คลิ๊ก...
