ทองคำ ถือเป็นสินทรัพย์มูลค่าสูงที่ได้รับความนิยมในการลงทุนไม่แพ้การลงทุนอื่น ๆ ,ซึ่งการลงทุนในทองคำสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงเหมือนกัน แต่มีหลายคนกลัวที่จะลงทุนใน ทองคำ เพราะมองว่ามีความเสี่ยงสูง ซึ่งแท้จริงแล้ว ทองคำ มักเป็นสินทรัพย์ทางเลือกของนักลงทุนที่จะถือครองไว้ เพื่อป้องกันเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งความกลัวอะไรบ้างที่ทำให้หลาย ๆ คนไม่กล้าที่จะลงทุนใน ทองคำ
1. “ ซื้อขาย ทองคำ แล้วไม่ได้กำไร “ ( กลัวขาดทุน ) แน่นอนอยู่แล้วว่าเมื่อเราลงทุนอะไรไปสักอย่าง ก็อยากได้ผลตอบแทนที่ดีกลับคืนมาเสมอ แต่หากกลับกันเมื่อสิ่งที่ลงทุนไปไม่ได้กำไร แถมยังขาดทุน ก็ย่อมผิดหวัง เสียใจเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนกับอะไรก็ตาม แม้แต่ ทองคำ ที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ก็มีความเสี่ยงไม่น้อยกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ ซึ่งหลักการลงทุนในทองคำให้ได้กำไรก็คือ การซื้อถูก ขายแพง โดยจังหวะการเข้าซื้อและขายนั้น ดูได้จาก ราคาทอง ที่มีการผันผวนในทุกวัน ,นอกจากนี้การเลือกซื้อประเภท ทองคำ ให้ถูกหลักการลงทุนก็เป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นกัน โดยควรเลือกลงทุน ทองคำแท่ง มากกว่า ทองรูปพรรณ เพราะเวลาซื้อหรือขาย จะเสียค่ากำเหน็จน้อยกว่า และการใช้งานหลัก ๆ ก็คือ เน้นเก็บเป็นทรัพย์สิน หรือเก็งกำไร มากกว่าใส่เป็นเครื่องประดับ
2 .“ ซื้อไปแล้ว แต่ราคาดันลง เมื่อไหร่ทองจะขึ้นอีก“ ( กลัวราคาทองตก )เรียกได้ว่า “ซื้อปุ๊ป ราคาตกปั๊ป” เลยก็ว่าได้ , อย่างที่บอกไปว่า ราคาทอง มีการปรับขึ้น,ลงในทุก ๆวัน บางวันอาจเปลี่ยนแปลง 3-4 ครั้ง หรือเปลี่ยนครั้งเดียวก็มี , การที่เรารู้แนวโน้มราคาทองว่าจะขึ้นหรือลงย่อมเป็นเรื่องสำคัญ, ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อ ราคาทอง ให้ขึ้น,ลง ก็มีตั้งแต่ ค่าเงินดอลลาร์ , ค่าเงินบาท , เศรษฐกิจ, สงคราม,การเมือง, น้ำมัน , หุ้น ฯลฯ รวมถึงความต้องการ ทองคำ ของอินเดีย,จีน , หรือการสะสมทองคำของเหล่าธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ , กองทุนทองคำ SPDR ,กองทุนเงิน IMF , ซึ่งสามารถติดตามข่าวสารดังกล่าวและเช็คราคาทองคำได้ที่เว็บไซต์สมาคมค้าทองคำ, หรือข่าวเศรษฐกิจทั่วไป และสามารถย้อนดูสถิติราคาทองในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาได้ เพื่อวิเคราะห์ว่าช่วงไหนที่ราคาทองแพง ราคาทองถูก
3. “ บริษัทที่ให้บริการเจ๊ง ปิดตัวลง ไม่รับผิดชอบ “ ( กลัวโดนหลอก )ข่าวการหลอกลวงลงทุนในทองคำยังคงมีให้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง , ซึ่งทำให้บางคนกลัวว่าจะโดนหลอก , กลัวว่าบริษัทหรือร้านทองที่ให้บริการ บริหารผิดพลาดและเจ๊งไป ซึ่งตามหลักแล้วไม่ว่าจะลงทุนอะไรไป สิ่งแรกที่ต้องทำคือการศึกษารายละเอียดให้ชัดเจน ทั้งด้านสินทรัพย์ที่จะลงทุน รวมถึงบริษัทที่ให้บริหาร โดยสามารถเช็ค ซึ่งช่องทางการลงทุนทองคำมีความหลากหลาย เช่น ซื้อขายเองผ่านระบบเทรด ( ซื้อขายทองแท่งออนไลน์ ) , ซื้อขายผ่านนายหน้าหรือโบรกเกอร์ , ซื้อขายผ่านร้านทองโดยตรง เป็นต้น
4. “ เสียเวลาเปล่า ไปลงทุนอย่างอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า “ ( กลัวเสียโอกาสทำกำไรจากสินทรัพย์อื่น ๆ )แม้ว่า ทองคำ จะมีความผันผวนเรื่องราคาน้อยกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ แต่ก็ถือได้ว่า มักเป็นที่นิยมในการถือครองสำรองไว้สำหรับนักลงทุน รวมถึงหลาย ๆ ประเทศที่เก็บทองคำไว้เป็นทุนสำรอง หากเกิดกรณีเงินลดค่า
ปัจจุบันทางเลือกในการลงทุนมีมากมาย ทั้ง หุ้น,อสังหาริมทรัพย์,ที่ดิน, ฯลฯ ทำให้บางคนมองว่า ทองคำ เป็นการลงทุนที่เสียเวลาเปล่า ๆ เพราะการจะขายทองให้ได้กำไร ต้องรอให้ราคาสูงกว่าตอนที่ซื้อมาค่อนข้างเยอะ หรือบางคนมองว่า ทองคำ เหมาะสำหรับเก็บเป็นสมบัติ ,เป็นมรดกให้แก่ลูกหลานมากกว่า , การลงทุนแบบนี้อาจจะทำให้เสียเวลาไปเปล่า ๆ ได้ , ซึ่งความจริง ทองคำ ก็เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่นักลงทุนจะซื้อเก็บไว้ เพราะมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และกระจายความเสี่ยงของสินทรัพย์อื่น ๆ ได้ดี โดยหลาย ๆ ประเทศเองก็มีการเก็บทองคำสะสมไว้เพื่อเป็นทุนสำรองเงิน , ซึ่ง ทองคำ กับ ค่าเงิน มักสวนทางกัน เมื่อไหร่ที่เงินมีมูลค่าลดลง ราคาทองจะแพงขึ้น และหากเงินมีมูลค่ามากขึ้น ราคาทองจะลดลง
หลักการลงทุนไม่ว่าจะลงทุนอะไรก็ตาม ควรมีการกระจายความเสี่ยง เผื่อสินทรัพย์ที่ลงทุนไปตัวใดตัวหนึ่งเกิดปัญหา ซึ่งทุกสินทรัพย์มีความเสี่ยงกันอยู่แล้ว , ดังเช่นคำพูดที่ว่า “ การลงทุนมีความเสี่ยง “ ดังนั้นควรกระจายความเสี่ยงด้วยการหันไปถือครองสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำ-สูงผสมกันไป ซึ่ง ทองคำ ถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ควรมีอยู่ในพอร์ตการลงทุนของคุณ