คำถามที่สำคัญที่เราควรจะพูดถึงกันก่อนก็คือ “เราซื้อทอง เก็บทอง หรือลงทุนทองกันด้วยวัตถุประสงค์ใด” การตอบคำถามนี้กับตัวเอง จะทำให้คำตอบของคำถามต่อไปนี้ มีภาพที่ชัดเจนในใจเรามากขึ้น
ราคาทองคำมีขึ้น-มีลงแน่นอน แต่ราคาไหนเรียกว่า “ถูก” ราคาไหนเรียกว่า “แพง” ต่างหากที่เป็นคำตอบที่ยาก เพราะแต่ละคนก็มีตัวเลขในใจและ “ประสบการณ์” ต่อราคาทองคำที่ต่างกัน
เราอาจรู้แนวโน้มราคาทองระยะยาว แต่ไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าราคาทองจะขึ้นหรือลงอีกหรือไม่ จะขึ้น-ลงวันไหน ขึ้น-ลงไปถึงกี่บาท
สิ่งที่เราทำได้คือ จัดการกับ “เงิน” บนหน้าตักของตัวเอง
เวลาซื้อ ก็อย่าซื้อจนหมดเงิน ให้คิดว่า “ราคาถูกแล้ว ยังมีถูกได้อีกเสมอ” เก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งเสมอเผื่อทองลงเราก็จะยังมีเงินไว้ซื้อถัวเฉลี่ยราคาได้
เช่นเดียวกัน เวลาขายก็อย่าขายจนทองหมดในครั้งเดียว เพราะ “แพงแล้ว ก็มีแพงได้อีก” เช่นกัน
ถ้าคุณเป็นคนที่มีวินัยในการเก็บเงินสูง และไม่ชอบอะไรที่มันขึ้นๆ ลงๆ ก็เก็บเงินไปเลย เงินต้นอยู่ครบ มีดอกเบี้ยให้ระหว่างทางที่ฝากเงิน (...แต่ถ้าดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ นานๆ ไปเงินที่อยู่ในบัญชีจะซื้อของได้ไม่เท่าเดิมแล้ว...)
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่เก็บเงินไม่อยู่ มีเงินอยู่ในกระเป๋าหรือในบัญชีธนาคารเท่าไหร่ก็ไม่เคยเหลือเก็บ เพราะเงินถูกใช้ไปได้ง่ายๆ ยิ่งมีแอพ.ธนาคารบนมือถือยิ่งจ่ายสะดวก แบบนี้แบ่งเงินมาเก็บเป็นทองบ้างก็ดี เพราะเงินมักถูกใช้หมดไปได้ง่ายกว่าทอง
“เราไม่สามารถคาดหวังผลตอบแทนอะไรได้เลย ตราบใดที่เรายังไม่มีเงินเก็บ”
คุณแน่วแน่เด็ดเดี่ยวกับราคาทองแค่ไหน?
ถ้าพอถึงราคาที่ตั้งใจว่าจะซื้อก็กล้าๆ กลัวๆ มัวแต่คิดว่าราคาทองมันจะลงอีกไหม รีๆ รอๆ จนราคากลับขึ้นไปเกินกว่าที่ตั้งใจว่าจะซื้อ ก็ไม่ได้ซื้อซักที แบบนี้ก็ออมทองรายเดือนไปเลย
แต่ถ้าแน่วแน่พอในการซื้อเมื่อถึงราคาที่ตั้งใจไว้ อยากรู้กำไร รู้ขาดทุนกันชัดๆ ไปเลยแบบนี้ก็ซื้อเป็นบาทๆ ได้
อยากรู้เรื่องทองมากกว่านี้ เรารวมไว้ให้ที่นี่แล้ว