10 เรื่องต้องรู้ ก่อนซื้อขายทองกับร้านทอง

15 พฤษภาคม 2018 | เมื่อ 14:30 หลังเที่ยง

 

เรื่องซื้อขายทอง จะว่าง่ายก็ง่าย แต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะพอสมควร 

แล้วถ้าเราอยากได้ทองคำ และราคาที่ตรงกับที่ตั้งใจไว้ หรือจะซื้อ-ขายทองครั้งต่อไป จะต้องทำอย่างไร ? 

วันนี้เรายกบางประเด็นมาสรุปให้ฟังสำหรับคนที่สนใจเรื่องทองคำ

 

1. รูปแบบของทอง หลักๆ แล้วมีทองคำอยู่ 2 แบบ คือ ทองแท่ง และทองรูปพรรณ โดยทั้งสองแบบมีทั้ง 96.5% และ 99.99% แต่โดยส่วนมากที่จำหน่ายกัน และมาตรฐานทองคำประเทศไทยจะกำหนดความบริสุทธิขั้นต่ำไว้ที่ทองคำ 96.5%

2. ราคาทอง ราคาทองคำแท่ง และราคาทองรูปพรรณ มีราคาขายออก และราคารับซื้อคืนที่ต่างกัน แม้จะน้ำหนักและความบริสุทธิ์เท่ากัน

3. ราคาทอง มีราคาขาย (หมายถึงราคาที่ร้านทองขายทองให้ลูกค้า) กับราคารับซื้อ (หมายถึงราคาที่ร้านทองจะรับซื้อทองคืนจากลูกค้า) ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันราคาฝั่งขายจะสูงกว่าราคาฝั่งรับซื้อเสมอ ราคาทองคำแท่งตามประกาศของสมาคมค้าทองคำฯ ราคาขายจะสูงกว่าราคารับซื้อคืน 100 บาทเสมอ แต่ในการซื้อ-ขายจริง จะต่างกันประมาณบาทละ 100-400 บาทในกรณีของทองคำแท่ง หรือประมาณบาทละ  940-1,600 บาทในกรณีของทองรูปพรรณ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ จะอธิบายในลำดับต่อๆ ไป

4. เวลาไปซื้อทอง นอกจากราคาทองคำแล้ว เมื่อซื้อทองคำแท่งยังมีค่าบล็อก(หรือค่าพรีเมี่ยม) และเมื่อซื้อทองรูปพรรณยังมีค่ากำเหน็จเพิ่มด้วย ในบางพื้นที่ ทองคำแท่งขนาดแท่ง 5 บาทขึ้นไปจะไม่คิดค่าบล็อก ก็จะคิดแต่ราคาทอง

5. ราคาขายทองรูปพรรณ ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำฯ คือ ราคาขายทองคำแท่ง + 500 บาท ซึ่ง 500 บาทคือราคาประมาณการของค่ากำเหน็จ(ค่าแปรรูปและผลิต)ทองรูปพรรณ 1 บาท แต่ในความเป็นจริง อาจแตกต่างไปจากนี้ได้ เพราะค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ 1 บาท มีตั้งแต่ 500 บาท ไปจนถึงหลักพันบาท ขึ้นอยู่กับลวดลาย ความยากง่ายในการผลิต

6. ราคาขายทองคำแท่ง ขนาดต่ำกว่าแท่ง 5 บาท มีตั้งแต่ขนาด 1 กรัม, ครึ่งสลึง, 1 สลึง, 2 สลึง จนถึงแบบ 1 บาท และ 2 บาท ราคาขายออกคือราคาทองคำแท่งฝั่งขายบวกค่าบล็อก ค่าบล็อกทองคำแท่ง 1 บาท มีตั้งแต่ 150 บาท ไปจนถึง 300 บาท ทองคำแท่งมีทั้งแบบไม่มีลวดลาย(มีแต่ตราโลโก้หรือยี่ห้อผู้ผลิต ระบุความบริสุทธิ์ และน้ำหนัก) และแบบมีลวดลายสวยงาม ซึ่งแบบมีลวดลายสวยงามก็มีค่าบล็อกสูงกว่าแบบไม่มีลวดลาย

7. ราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณ ราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณตามประกาศของสมาคมค้าทองคำฯ กับราคาที่ร้านทองรับซื้อทองจริงอาจแตกต่างกัน เนื่องจากราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณตามประกาศของสมาคมค้าทองคำฯ จะคิดลดจากราคารับซื้อคืนทองคำแท่งเพียง 1.8% ส่วนหลักเกณฑ์ที่ทางสคบ. กำหนดไว้และใช้ปฏิบัติกันโดยส่วนมากคือ หากเป็นทองรูปพรรณที่ลูกค้าซื้อออกจากร้านเดียวกันไป ให้คิดลดจากราคารับซื้อคืนทองคำแท่งได้สูงสุดไม่เกิน 5% แต่หากเป็นทองคำที่มาจากต่างร้านอาจคิดลดหรือหักได้มากกว่า 5% ทั้งนี้จะไม่มีการบวกค่าลายหรือค่ากำเหน็จคืนให้ 

8. สาเหตุที่ทองรูปพรรณโดนหักราคารับซื้อคืนเยอะ ก็เพราะว่าเวลานำทองรูปพรรณมาขายคืน พอนำทองไปชั่งบนตราชั่ง ทองรูปพรรณจะมีน้ำหนักของน้ำประสานทองที่อยู่บนชิ้นทองนั้นด้วย ไม่ได้มีแต่ทองล้วนๆ น้ำประสานทองเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตทองรูปพรรณ ใช้ในการเชื่อมรอยต่อของส่วนประกอบเล็กๆ บนชิ้นงานทองรูปพรรณ แต่เวลาหักน้ำหนักน้ำประสานทอง จะเป็นการหักที่ราคาโดยตามเกณฑ์ที่กล่าวไปแล้ว

9. ราคารับซื้อคืนทองคำแท่ง ใช้ราคาทองคำแท่งฝั่งรับซื้อคืนตามประกาศของสมาคมค้าทองคำฯ โดยดูน้ำหนักทองตามที่ปรารกฎบนตราชั่ง และไม่มีการบวกค่าบล็อกคืนให้ บางพื้นที่อาจมีการคิดลดจากราคาที่ประกาศแต่ไม่มากเท่าที่คิดลดราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณ

10. เงื่อนไขอื่นๆ เช่น เรื่องใบรับประกันสินค้า ต้องเก็บรักษาใบรับประกันไว้กับทอง และนำไปด้วยเวลานำทองไปขายคืน แม้จะไปร้านเดิม ก็อย่าไปคาดหวังว่าทางร้านเข้าจะจำท่าน หรือจำทองของเขาได้ แม้จะเป็นยี่ห้อของเขาเอง จะเป็นสาขาเดิม คนเดิม หรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้ามีใบรับประกันตอนซื้อมาต้องเก็บให้ดี และนำไปด้วยเวลานำทองไปขายคืนเสมอ

การซื้อทองจะต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนว่าต้องการซื้อ-ขายทำกำไร หรือซื้อเพื่อสวมใส่เป็นเครื่องประดับ เพื่อความสวยงาม เนื่องจากราคาทองแต่ละแบบก็มีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก จะเห็นได้ว่าหากต้องการซื้อ-ขายทองคำเพื่อทำกำไรก็ควรจะซื้อ-ขายทองคำแท่ง เพราะราคาขายต่ำกว่าและราคารับซื้อคืนก็สูงกว่าทองรูปพรรณ โดยหากซื้อขายทอง 1 บาท กับร้านทองทั่วไป หากราคาทองคำขึ้น 300-500 บาท ก็จะมีกำไร 

แต่ยังมีวิธีซื้อ-ขายทองคำแท่งที่สามารถได้กำไรได้เมื่อราคาทองขึ้นเพียง 90-100 บาทก็จะเริ่มมีกำไร นั่นคือการซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์เริ่มต้นที่ 1 บาททอง

อยากรู้เรื่องทองมากกว่านี้ เรารวมไว้ให้ที่นี่แล้ว 

 

โพสต์ล่าสุด